ชัยชนะที่ไร้ข้อกังขาของ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล

ชัยชนะที่ไร้ข้อกังขาของ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล

ชัยชนะที่ไร้ข้อกังขาของ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล

อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะใน นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ แบบ “ไป-กลับ” ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ฤดูกาลหลัง ในเกมที่เป็นผู้ชนะอย่างไร้ข้อกังขา
นี่คืออีกเกมในฤดูกาลนี้ที่ อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และเพิ่มโอกาสคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ให้มากขึ้นด้วยการทิ้งห่างคู่แข่งเป็น 8 คะแนนเข้าให้แล้ว

หลังจาก แมนฯ ซิตี้ สะดุดแพ้ในดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันเสาร์ มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือด้วยการบุกชนะคู่ปรับร่วมเมืองได้สำเร็จ

อาร์เตต้า ไม่เปลี่ยนทีมจากเกมลีกล่าสุดที่เสมอ นิวคาสเซิ่ล 0-0 ตัวหลักที่ได้พักในบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ต่างกลับมาเป็นตัวจริงถ้วนหน้าและเป็นชุดที่ดีสุดหากไม่นับ กาเบรียล เชซุส ที่เดี้ยงยาว

ส่วน สเปอร์ส ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ได้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ปีกทีมชาติสวีเดนฟิตลงตัวจริงร่วมกัน แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน

ในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ปืนใหญ่มักเจอปัญหาตลอดในการมาเยือนรังไก่เดือยทอง สถิติที่แพ้กลับออกไปถึง 6 ครั้งจาก 8 ครั้งหลังสุดบ่งบอกได้อย่างดี

แต่เกมนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีกว่าชัดเจนโดยเฉพาะครึ่งแรกที่เหนือกว่าทั้งรูปเกมและสกอร์ที่นำก่อน 2-0 แบบที่น่าจะได้ประตู 3 และ 4 ในหลายต่อหลายครั้ง

โยริส พลาดตั้งแต่ต้นเกม

โยริส พลาดตั้งแต่ต้นเกม

การไล่เพรสซิ่งสูง บีบเร็วตั้งแต่แดนบนสร้างปัญหาให้เจ้าถิ่นได้ทันที กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ วิ่งไล่จนสร้างโอกาสแรกด้วยการกระดกบอลให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้ยิงในเขตโทษ แต่ว่า อูโก้ โยริส เซฟเอาไว้ได้

ประตูแรกได้เร็วใน 15 นาทีแรกที่ต้องบอกว่ามีโชคช่วยด้วย บูคาโย่ ซาก้า เลี้ยงจี้สุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนเปิดยัดเข้ากลาง บอลแฉลบปลายเท้า ไรอัน เซสเซอยง เล็กน้อยทำให้ โยริส เสียจังหวะชกบอลผิดเหลี่ยมเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไปดื้อๆ

ความผิดพลาดสุดโชคร้ายแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในเกมสำคัญที่ปกติเต็มไปด้วยความกดดันอยู่แล้ว แต่ สเปอร์ส ก็เกือบตีเสมอได้เร็วในอีก 4 นาทีถัดมาจากการหลุดไปยิงจ่อๆ ของ ซน ฮึง-มิน ทว่า อารอน แรมส์เดล ซูเปอร์เซฟช่วยปืนใหญ่เอาไว้ได้

แต่จากนั้นก็เป็นของ อาร์เซน่อล อีกครั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด ส่องไกลเต็มข้อติดเซฟ โยริส ตามด้วยลูกวอลเลย์เต็มหลังเท้าของ โธมัส ปาร์เตย์ ที่จูบเสาอย่างจัง

ด้วยรูปเกมที่ดีกว่า อาร์เซน่อล มาได้ประตูที่สองจากความสุดยอดของ โอเดการ์ด ที่ยิงไกลระยะเกือบ 25 หลา ส่งบอลพุ่งกระดอนพื้นก่อนเบียดเสาเข้าไปอย่างแม่นยำ

เป็นลูกยิงที่หมดจดงดงามจริงๆ สำหรับเจ้าของรางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีกคนล่าสุดหลังจากส่งสัญญาณเตือนไปแล้วในลักษณะคล้ายกันไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น

โอเดการ์ด ส่องไกลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โอเดการ์ด ส่องไกลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สเปอร์ส ต้องรอจนถึงช่วงทดเจ็บที่มีโอกาสลุ้นจะแจ้งยิงอีกครั้ง เอมิล-ปิแอร์ ฮอยเบียร์ โยนบอลจากฝั่งขวาไปให้ แฮร์รี่ เคน สอดมาเช็ดเสาแรก แต่ แรมส์เดล ยังปัดออกหลังได้อีก

เป็นอีกเซฟสำคัญของ แรมส์เดล ที่ช่วย อาร์เซน่อล ได้อย่างมากเพราะหากสกอร์เป็น 2-1 ก่อนจบครึ่งแรก สเปอร์ส จะยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นในการลุยต่อ 45 นาทีหลัง

พอครึ่งหลังเปิดฉาก สเปอร์ส โหมรุกตามคาดและมีโอกาสลุ้นยิงจะแจ้งถึง 3 ครั้งใน 7 นาทีแรกทั้งจากการเลี้ยงตัดเข้าในแล้วปั่นข้ามคานของ คูลูเซฟสกี้ ลูกยิงเต็มแรงของ แฮร์รี่ เคน และการหลุดเข้าไปซัดมุมแคบของ ไรอัน เซสเซอยง ที่ แรมส์เดล ยังป้องกันได้หมด

ครึ่งหลัง สเปอร์ส ยกระดับการเล่นขึ้นมาได้ดีมาก ได้ต่อบอลเข้าพื้นที่อันตรายได้หลายครั้ง เพิ่มโอกาสลุ้นยิงเพียง 4 ครั้ง (เข้ากรอบ 2) จากครึ่งแรก ขึ้นมาเป็น 13 ครั้ง (เข้ากรอบ 5) ตลอดครึ่งหลัง

ส่วนปืนใหญ่ก็พยายามหาจังหวะตอบโต้เป็นระยะและน่าจะได้อีกอย่างน้อยหนึ่งประตูจาก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แต่น่าเสียดายที่จังหวะจบสกอร์ค่อนข้างน่าผิดหวัง

การได้สองประตูนำครึ่งแรกทำให้ อาร์เซน่อล ไม่จำเป็นต้องไล่สูงเหมือนครั้งแรก พวกเขาเลือกเล่นเกมรับให้แน่นรอจังหวะผิดพลาดของเจ้าถิ่นแล้วโต้กลับ

แม้จะอยู่ในแดนตัวเองมากขึ้นในครึ่งหลัง แต่การชิงเล่นจังหวะสองของ อาร์เซน่อล ยังเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่า เข้าถึงเร็วกว่า สเปอร์ส จึงไม่สามารถขึงเกมอย่างที่ต้องการได้

แรมส์เดล ซูเปอร์เซฟไปหลายครั้ง

แรมส์เดล ซูเปอร์เซฟไปหลายครั้ง

นอกจากนี้การที่ผู้เล่นเกมรับไก่หลายคนได้ใบเหลืองทั้ง คริสเตียน โรเมโร่, ไรอัน เซสเซอยง, ป๊าป มาร์ต้า ซาร์ และ เอริค ดายเออร์ ก็ยิ่งทำให้การเข้าบอล การตัดเกมช่วงท้ายทำได้ไม่สุด

ปกติแล้ว สเปอร์ส เป็นทีมที่คัมแบ็กได้ดีสุดในลีกจากการฮึดกลับมาเก็บได้ 14 คะแนนหลังเสียประตูไปก่อน และต้นครึ่งหลังที่ลุยเข้าใส่จนได้ลุ้นยิงหลายครั้งก็เกือบโชว์จุดเด่นแบบนั้นได้อีกหากไม่ใช่เพราะถูกปฏิเสธจาก แรมส์เดล

ความต่างอีกอย่างในเกมนี้คือ ในขณะที่ แรมส์เดล มีวันที่ท็อปฟอร์มอย่างมากจนคว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากการเซฟไปหลายครั้ง ฝั่งตรงกันข้ามอย่าง อูโก้ โยริส กลับพลาดทำเข้าประตูตัวเอง

ความเห็นที่สรุปภาพรวมเกมนี้ได้ชัดเจนคือบทสัมภาษณ์หลังเกมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ยอมรับแต่โดยดีว่า อาร์เซน่อล สมควรเป็นผู้ชนะ

“มันยากที่จะกลับมาหลังจากเสียไปสองประตู ตอนเราเสียประตูแรก เรามีโอกาสตีเสมอได้จาก ซอนนี่ แต่ผู้รักษาประตู (แรมส์เดล) ก็เซฟได้อย่างสุดยอด”

“เมื่อตอนที่พวกเขาทำประตูที่สอง มันก็แทบฆ่าทุกคนในทันที แต่ไม่ใช่สำหรับนักเตะของผมเพราะในครึ่งหลังเราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยิงประตูและสร้างปัญหาให้ อาร์เซน่อล ให้ได้”

“ผู้รักษาประตูเซฟได้อย่างยอดเยี่ยมในวันนี้ อาร์เซนอล ในตอนนี้เป็นคู่แข่งที่เล่นด้วยยากเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ และทั้งสองทีมก็กำลังขับเคี่ยวกันเพื่อตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก”

ทิ้งห่างคู่แข่งเป็น 8 คะแนนแล้ว

“เราเล่นกับทีมที่แข็งแกร่ง แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่เสียใจในความมุ่งมั่นของนักเตะผม พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและกระหายเพื่อพยายามกลับมาให้ได้ ที่ผ่านๆ มาเราทำได้หลายครั้ง แต่วันนี้ผู้รักษาประตูพวกเขาทำได้ดีมากจริงๆ”

“อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นว่าเป็นทีมที่ดีมาก แต่ก่อนมันไม่ง่ายสำหรับพวกเขากับการลงเล่นกับเราในบรรยากาศสนามแห่งนี้ แต่พวกเขามีความสมดุลที่ยอดเยี่ยม และมีความยืดหยุ่นที่ดีมากในครึ่งหลัง

“เมื่อพวกเขาทำได้ถึงระดับนี้ มันหมายความว่าพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อแย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาเป็นเพียงสองทีมที่จะต้องสู้กันเพื่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้”

ครบถ้วน สมบูรณ์ และหมดจดสำหรับบทสรุปทุกอย่างใน นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ที่เป็น “สีแดง” อีกครั้ง

NORTH LONDON WILL ALWAYS BE RED

ขอบคุณ : คอลัมนิสน์ โดย โรงเตี๊ยมลูกหนัง ทอมมี่ ท่ามะกา

• เรื่องน่าสนใจ •