เจาะกลยุทธ์ไบรท์ตันทำปืนรากเลือด

เจาะกลยุทธ์ไบรท์ตันทำปืนรากเลือด

เจาะกลยุทธ์ไบรท์ตันทำปืนรากเลือด

อาร์เซนอล บุกเสมอ ไบรท์ตัน แบบไร้สกอร์ในเกมที่ มิเกล อาร์เตต้า ยอมรับว่าเป็นหนึ่งคะแนนที่ดีสุดแล้ว ปืนใหญ่ไม่ควรได้อะไรไปมากกว่านี้

ไบรท์ตัน เล่นได้ดีกว่ามาก สามารถสร้างโอกาสลุ้นยิงประตูได้ถึง 21 ครั้ง แต่ยิงทิ้งยิงขว้างเป็นส่วนใหญ่และยิงเข้ากรอบเพียง 2 ครั้งตลอดทั้งเกมซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้าย

หากจังหวะสุดท้ายของ ไบรท์ตัน คมกว่านี้อีกหน่อย ทีมของ แกรม พ็อตเตอร์ น่าจะชนะได้ 3-4 ลูกด้วยซ้ำ

“ผมคิดว่าเป็นหนึ่งคะแนนที่คู่ควรแล้วเพราะผมไม่คิดว่า เราสมควรได้อะไรที่ดีไปกว่านี้ เราคอนโทรลเกมไม่ได้เลย เรามีปัญหาในการเอาตัวรอดจากการถูกเพรส พวกเขาสร้างความยากลำบากให้กับเรา” อาร์เตต้า กล่าว

อาร์เซนอล ที่เพิ่งไล่ขย่มเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ เหมือนเป็นคนละทีมในเกมที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เพราะไม่สามารถงัดฟอร์มการเล่นที่เฉียบขาด แม่นยำ และรวดเร็วออกมาได้เลย

จุดแตกต่างกันระหว่าง สเปอร์ส กับ ไบรท์ตัน คือ ไบรท์ตัน วางแผนการเล่นมาดีกว่าและสามารถใช้จุดแข็งของตัวเองได้อย่างเต็มที่

ไบรท์ตัน ทำได้ดีกว่าไก่เดือยทองตรงการ “เพรสซิ่ง” ที่มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ทำให้ อาร์เซน่อล เจอปัญหาอย่างมากในการเซตเกมจากข้างหลังขึ้นมา

การเอาตัวรอดจากการถูกเพรสเป็นจุดชี้ขาดที่ทำให้ อาร์เซน่อล ชนะในศึกผ่าเมืองเพราะ 2 จาก 3 ประตูที่ทำได้เป็นการแก้เพรสหน้าเขตโทษตัวเองแล้วโต้กลับทันที

ประตู 2-0 เริ่มจาก อารอน แรมส์เดล ที่จ่ายให้ กรานิต ชาก้า ที่พลิกบอลได้สำเร็จก่อนโต้กลับรวดเร็วและจบด้วยการที่ เอมิล สมิธ โรว์ จ่ายให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ซัดตุงตาข่าย

เบน ไวท์ ออกบอลลำบากเมื่อเจอรุมแบบนี้

เช่นเดียวกับประตู 3-0 ที่รุมแย่งบอลจาก แฮร์รี่ เคน จากหน้าเขตโทษแล้วโต้ทันที สมิธ โรว์ จ่ายให้ ซาก้า พาบอลจี้เข้าไปยิงตรงเขตโทษติดบล็อกจังหวะแรก แต่บอลก็เด้งเข้าทางได้ซ้ำอีกทีเข้าไป

ในวันนั้น สเปอร์ส ของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต วางระบบ 4-3-3 มาเจอกับ อาร์เซน่อล การยืนแนวรุกข้างบนอยู่ในระนาบเดียวกัน จึงไม่สามารถคัฟเวอร์การยืนตำแหน่งของแบ็กโฟร์ อาร์เซน่อล ได้หมดเพราะตัวผู้เล่นเป็นรอง แรมส์เดล จึงมีช่องในการจ่ายบอลตลอด

แต่ ไบรท์ตัน เพรสอย่างเป็นระบบมากกว่า พ็อตเตอร์ ใช้ผู้เล่น 4 คอยไล่เพรสในพื้นที่สุดท้ายของ อาร์เซนอล ตอนที่ แรมส์เดล เตรียมจะเปิดบอลจากข้างหลัง

แรมส์เดล ไม่สามารถจ่ายขึ้นตรงกลางได้เลยเพราะมีผู้เล่น ไบรท์ตัน ขวางไปหมด อีกทั้งสภาพอากาศในวันนั้นที่ฝนตกและสนามเปียก ยิ่งทำให้นายทวารมือหนึ่งคนใหม่ของปืนใหญ่ต้องเปลี่ยนมาเปิดบอลยาวมากขึ้น

การเล่นบอลยาวแบบนี้เข้าทาง ไบรท์ตัน เพราะ 3 เซนเตอร์อย่าง แดน เบิร์น, ลูอิส ดังค์ และ เชน ดัฟฟี่ ล้วนสูงใหญ่ ขนาดคนที่ตัวเล็กสุดก็ยังสูงถึง 6.4 ฟุต บอลยาวที่ อาร์เซน่อล สาดขึ้นมาจึงรับมือได้ไม่ยาก

ในเกมกับ สเปอร์ส โอบาเมย็อง ชนะในการดวลกลางอากาศ 6 จาก 8 ครั้งที่ขึ้นโหม่ง แต่เกมกับ ไบรท์ตัน เขาขึ้นโหม่งชนะเพียงครั้งเดียวจากทั้งหมด 5 ครั้ง

ความแม่นยำในการเปิดบอลยาวของ แรมส์เดล ก็ลดลงไปด้วย จากที่เคยทำได้ 61 เปอร์เซนต์ในเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ เหลือเพียง 29.6 เปอร์เซ็นต์ในเกมที่รังนกนางนวล

การไล่เพรสของ ไบรท์ตัน ใช้คนมากกว่าและขยัน นีล โมเปย์ หัวหอกของทีมเป็นผู้เล่นที่เพรสต่อเกมมากสุดของพรีเมียร์ลีกที่ค่าเฉลี่ย 20 ครั้งเท่ากับ วิลฟีด ซาฮา ของ คริสตัล พาเลซ

ไบรท์ตัน ศึกษาแผนการเล่นของ อาร์เซนอล มาเป็นอย่างดี พวกเขารู้ว่าจะขึ้นเกมจาก เบน ไวท์ ที่เป็นตัวออกบอลและเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล ยอมจ่ายเงินถึง 50 ล้านปอนด์ดึงตัวร่วมทีม

ไบรท์ตัน เข้าถึงตัวตลอด

พ็อตเตอร์ รู้ดีถึงจุดแข็งของ ไวท์ เพราะเคยร่วมงานกันมา เขาจึงบล็อกการออกบอลของอดีตลูกทีมได้หลายต่อหลายครั้ง

ไวท์ ได้รับบอลจาก แรมส์เดล เพียง 2 ครั้งเท่านั้นตลอดทั้งเกม เป็นตัวเลขที่น้อยมากเพราะโดนผู้เล่น ไบรท์ตัน ประชิดรอบตัวและบีบให้ แรมส์เดล ต้องเลือกจ่ายไปที่ กาเบรียล มากัลเญส

กาเบรียล จ่ายบอลสำเร็จ 40 จาก 45 ครั้ง แต่การจ่ายไม่ได้ทะลุทะลวงแบบ ไวท์ ทำให้ ไบรท์ตัน เตรียมตัวรับมือได้ทันในจังหวะสองกับการคอยบีบผู้เล่นแดนกลางหรือริมเส้นที่รับบอลจาก กาเบรียล อีกที

ไบรท์ตัน เข้าบีบตัวทำเกมตรงกลางของ อาร์เซน่อล ทั้ง สมิธ โรว์ และ โธมัส ปาร์เตย์ และปล่อยให้ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ได้เล่นบอลไปเลยเพราะไม่ใช่ผู้เล่นที่เด่นในเรื่องการเปิดบอล อีกทั้งเกมนี้ มาร์ค คูคูเรย่า เล่นได้อย่างท็อปฟอร์มและวิ่งตลอด 90 นาทีจนเล่นงานแข้งชาวญี่ปุ่นหลายรอบ

ใน 3 นัดแรกที่เล่นให้ทีม “โทมิ” ทำผลงานได้แข็งแกร่งมากๆ และได้รับคำชมล้นหลาม แต่เกมกับ ไบรท์ตัน คือบททดสอบที่หนักกว่าที่คาดเอาไว้มาก

“ผมแฮปปี้กับการได้คลีนชีตนะ คุณจำเป็นต้องมองบวกเข้าไว้เพราะผมคิดว่าเราชนะดวลตัวต่อตัวในเขตโทษ แต่พื้นที่อื่นของสนามเราแพ้เป็นส่วนใหญ่ เราต้องปรับในจุดนี้” ปราการหลังเลือดซามูไรกล่าว

ตัวอย่างที่ชัดเจนตรงกลางการให้สัมภาษณ์ของ โทมิยาสึคือ ปาร์เตย์ ชนะในการดวลตัวต่อตัวเพียง 2 ครั้งจากทั้งหมด 12 ครั้ง

การขาด กรานิต ชาก้า ที่เจ็บจากเกมกับ สเปอร์ส ส่งผลต่อ อาร์เซน่อล ไม่น้อยเพราะตัวที่ลงแทนอย่าง แซมบี้ โลคองก้า ยังใหม่กับพรีเมียร์ลีก และไม่คุ้นเคยกับวิธีการเล่นเข้าถึงตัวรวดเร็ว

โลคองก้า ถูกบีบจนต้องส่งบอลคืนหลัง

กองกลางดาวรุ่งทีมชาติเบลเยียมถูกบีบให้เล่นด้วยเท้าข้างไม่ถนัดหรือไม่ก็ต้องจ่ายคืนหลังเพราะพลิกไม่ได้ หลายจังหวะคิดช้าทำช้า ทำให้ไม่สามารถแบ่งเบาะภาระของ ปาร์เตย์ ได้

ขณะที่เดียวกัน อาร์เซน่อล ไม่สามารถกดดันแนวรับ ไบรท์ตัน ได้แบบที่ ไบรท์ตัน ทำเพราะในหลายจังหวะ ไบรท์ตัน ก็ต่อบอลจากข้างหลังขึ้นมาง่ายๆ และไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ถูกกดดันจากแนวรุกปืนใหญ่เลย

ปาร์เตย์, โอบาเมย็อง และ โอเดการ์ด ไม่ได้มีจังหวะต่อบอลกันสวยๆ เหมือนในเกมกับ สเปอร์ส และสองคนหลังก็อยู่ในสนามไม่จบเกมซึ่งหากเกมนี้ ชาก้า เล่นได้ ปาร์เตย์ ก็น่าจะเป็นอีกคนที่ถูกถอดออกในช่วงท้าย

จังหวะเดียวที่ อาร์เซน่อล เล่นได้แบบเกมกับ สเปอร์ส คือการโต้กลับเร็วที่ ปาร์เตย์ แทงให้ สมิธ โรว์ หลุดเข้าเขตโทษ แต่ดาวรุ่งวัย 21 ปี เลือกยิงเองติดเซฟทั้งที่น่าจะส่งให้ บูคาโย่ ซาก้า ที่วิ่งมารอเสาไกล และอยู่ในจุดที่มีโอกาสได้ประตูมากกว่า

หากจังหวะนี้เกิดขึ้นในเกมกับ สเปอร์ส สมิธ โรว์ น่าจะ “นิ่ง” และเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อทีมได้ แต่การที่หลายจังหวะไม่เป็นใจในเกมกับ ไบรท์ตัน ส่งผลต่อการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีสำคัญที่โอกาสมาถึงอย่างมาก

อาร์เซน่อล ต้องพอใจอย่างมากกับหนึ่งคะแนนที่ได้ติดมือกลับออกมา แต่พวกเขาได้เผยอีกหนึ่งจุดอ่อนของตัวเองออกมากับการไม่สามารถแก้เพรสซิ่งได้ และจะเป็นจุดที่กุนซือคนอื่นนำมาใช้เหมือนที่ แกรม พ็อตเตอร์ ทำสำเร็จ

• เรื่องน่าสนใจ •